ลาออกจากงานมาเลี้ยงลูกเหนื่อยไหม ?? ไม่เคยได้เล่ามุมนี้เลยตั้งแต่เขียนเพจเป็นแม่ฟูลไทม์มา 2 ปีเต็มๆ

เคยคิดว่าตอนทำงานเหนื่อยจัง ยุ่งจริง เมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกงาน VS เลี้ยงลูกจริงๆที่ ไม่มีแม้วันหยุดอาทิตย์
เคยได้สัมผัสชีวิตมนุษย์เงินเดือนทำงานเหมือนทุกคนมาเป็นเวลา 6 ปี และวันที่ตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูกก็เกิดขึ้น ไม่เคยแพลนเลยว่าเป็นแม่คนแล้วมันต้องทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้แต่ทุกอย่างมันอัตโนมัติ ตั้งแต่วันที่รู้ว่าไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป…..
.
เมื่อก่อน แต่งตัว แต่งหน้าสวย ใส่รองเท้าส้นสูง เดินได้ทุกวันไม่มีเมื่อย ได้พักกลางวัน ไปเดินตลาด เลิกงานได้กินข้าวร้านที่อยากไปกับเพื่อนกับสามี ดูหนัง ทำผม ทำเล็บ กลับบ้านนอนหลับสบายรอตื่นแต่เช้าไปทำงานเหมือนเคย มันเป็นงานที่เครียดยอมรับ เรามีเพื่อนที่ทำงานที่ดี เป็นงานที่เราถนัด เรามีเงินเดือนที่มากพอสำหรับแผนในชีวิต
.
แต่รู้ไหม งานที่เราลาออกมาที่ว่าเหนื่อยใจ เหนื่อยกาย มันง่าย มันไม่ได้กดดัน เทียบเท่ากับ การเลี้ยงเด็กเล็กคนนึงนะ
.
เรานับ 1 ทุกเรื่องโดยหาข้อมูลและ ทนกับทุกความเห็นรอบตัว จะเลี้ยงลูกได้ดีไหม… ทำไมเธอเลี้ยงลูกแบบนี้นั้นโน้น…
.
กินข้าวที่เคยทอดอารมณ์ เราไม่เคยอิ่มจริงๆเลย แต่รีบกินนะ จนตอนนี้ชินแล้ว
.
เข้าห้องน้ำนานๆ อยากจะนั่งเพลิน เรารีบ เพราะลูกรออยู่
.
เรานอนหลับๆตื่นมา เพิ่มมาเป็นไม่ได้นอน นอนน้อย ส่วนนึงเราต้องให้นมลูก ปั๊มนม และคอยตื่นมาเอานิ้วไปใกล้จมูกลูกหลับแล้วเงียบไปหายใจอยู่รึเปล่า ตลกดี ..
.
ลูกตอนเล็กๆ เราได้แต่เดา จะคาดหวังไม่มีอะไรตามแผนเลย ลูกเข้าใจยาก และหลายครั้งที่สติแตกกระเจิง แล้วต้องดึงสติขึ้นมาด้วยตัวเอง.. กว่าจะเข้าใจกันใช้เวลาถึงรู้ใจเหมือนหนังสือเล่มใหญ่ที่อ่านได้ไปจนแก่
.
ชุดทำงานสวยๆ ตอนนี้เป็นชุดเดียว เช้ายันเย็น เดินอุ้มลูกวนไป บ้านมีแค่ไหน เดินจนทั่วบ้าน
.
ร้องเท้าสวยก็กลายเป็นผ้าใบสวมง่ายๆ ส้นสูงแค่ลองใส่ก็ท้อเดินไม่ไหวไปสตรองกับลูกแทน
.
เช้า ถึง เย็น หมดไปอย่างรวดเร็วทุกวัน กับกิจกรรมลูก ตื่น นอน เล่น กิน ร้องไห้ ไม่รวมงานสารพัดเช็ด-ล้าง-ทำอาหาร
.
เล่าความเหนื่อยมามากมาย ถ้าคนไม่ได้เป็นแม่ เค้าคงจะเข้าใจเราว่าเรามา “บ่น” บ่นว่าเลี้ยงลูกเหนื่อยแล้วลาออกจากงานทำไม….
ทำไมเลือกลูกมากกว่างาน เพราะรักลูก ตัดสินใจมาดีแล้วและคิดเสมอว่าเวลาเริ่มต้นชีวิตของเค้า ควรเป็นเราที่จะเลี้ยงเค้าได้ดีที่สุด ไม่ใช่พี่เลี้ยงคนไหน
ลูกโตขึ้นทุกวัน เพียงมองเห็นโอกาสอีกไม่กี่ปี ที่จะได้ใกล้ชิดลูกก่อนที่ลูกจะไปมีชีวิตของตัวเอง ถ้าจะมีอะไรดูแลสอนถ่ายทอดให้เด็กคนนี้เป็นไม่ว่าจะดีหรือไม่ก็ตาม
“อย่างน้อยที่สุด เพราะเค้าลูกฉัน ฉันเลี้ยงเค้าเอง ไม่โทษใคร”
วันนี้ค่าตอบแทนไม่ใช่เงิน แต่เป็นรอยยิ้ม และพัฒนาการที่เพิ่มไปทุกวัน ก็ชื่นใจสุดๆ
………….ความสุขในความเหนื่อยของแม่…………..
.
มาถึงปัจจุบันไม่ได้เหนื่อยเท่าแต่ก่อนแล้วเค้าโตขึ้นมาก ภายในเวลาเพียง 2 ปี ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เรากลับมาทำงานของที่บ้าน ได้สอนเรื่องราวรอบตัวให้ลูกมากมายพอติดตัวไปเป็นวิชา เพื่อเอาตัวรอดโดยแม่ ใกล้วันที่เค้าใกล้จะได้ไปโรงเรียนเจอโลกจริงแล้วล่ะ
.
ถึงแม่ๆใครที่ไม่ได้เลี้ยงเองต้องไปทำงานนอกบ้าน ก็เชื่อว่าทุกคนอยากเลี้ยงน้องเองทั้งนั้นแต่ด้วยความจำเป็นอายก็ยิ่งนับถือมากๆเพราะงานก็ทำนมก็ปั๊ม กลับมาหาลูกใช้เวลาด้วยกันสุดยอดแล้วค่ะ
.
#และคนที่เราไม่ได้กล่าวถึงแต่เค้าอยู่ในทุกวันขาดไม่ได้คือปะป๊าร็อคที่ดูแลเราสองคนแม่ลูกมาอย่างดีที่สุด
**********
.
#เงินหาจากไหนก็ต้องทำงาน
จะเป็นเจ้าหญิงดิสนี่ย์ไปนิดนึงถ้าบอกว่าขอเงินที่บ้านใข้ ชีวิตจริงไม่ใช่แบบนั้น
.
ก็ทำงานที่ทำได้ในช่วงที่เลี้ยงลูกนี่แหละ หาให้เจอ จะขายของ ใช้ความสามารถทุกส่วนที่มีมันก็ได้เงินคนเรามีทางไปทุกคนเพียงอย่าท้อและไม่ยอมแพ้เสียก่อน ฉะนั้นเงินเก็บสำคัญก่อนมีลูกควรมีเผื่อไว้ + ความพยายามต่อจากนี้ไป คือหนทางเดินต่อ
.
หม่าม้าอาย บ่นอย่างกับป้า หน้าตามัธยม นมอนุบาล(เลิกให้นมแล้วแพลนไปทำนมหร๋อๆ) คิดเองตั้งเองไม่มีใครตั้งให้…
ขอบคุณที่ฟังเราบ่น ลูกมีค่ากับคนอย่างเราจริงๆเราถึงเขียนทุกอย่างเกี่ยวกับเค้าเก็บไว้ในเพจนี้ บางเรื่องมันอาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนแต่มันเป็นความทรงจำของเรา เลยอยากให้เลือกนำแต่สิ่งที่เหมาะกับตัวเองไปปรับใช้นะคะ

สวัสดีค่ะ (ยิ้มสวยๆแบบพี่ปุ๋ยพรทิพย์)
ปล.รูปนี้สวยที่สุดตั้งช่วงควอลิฟายหน้าที่แม่ลูกช่วง6-7 เดือน)
#Rockyjourney

Facebook Comment
Menu