“เทคนิค แบ่ง 4 ส่วน ออมเงิน/สร้างเงินทุน แถมประหยัดภาษี สำหรับคนมีลูก”
ถือคติที่ว่า เรื่องเงินเราจริงจังเสมอ วันนึงที่เรามีลูกมีครอบครัวแล้วไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป เรื่องเงินก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ จะหยิบจับอะไรเป็นเงินไปหมด การเงินจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวเราที่ควรวางแผน ไม่ว่าจะมีมากหรือมีน้อย เริ่มจากการเก็บ เราก็สามารถเลือกกำหนดการใช้จ่ายได้ว่าจะเก็บเท่าไหน หรือประหยัดในเรื่องอะไร แผนการออมและการใช้จ่ายเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคงและหลักประกันให้ลูกในอนาคต
ตั้งใจเก็บเงินวันนี้ คิดไว้อย่างเดียวแย่ที่สุด ถ้าเราอยู่ส่งเค้าไม่ถึง ลูกต้องมีเงินเรียนให้จบ หลังจากนั้นเค้าคงไปต่อเองได้แล้ว …..
อายมาแชร์แนวคิดและวิธีเก็บเงินต่อยอดแบบที่ทุกคนทำได้มาฝากกันนะคะ บทความนี้เรียบเรียงอยู่นาน แต่เพื่อความชัดเจน จัดไปเลยค่ะ จะได้ไปถึงเป้าหมายไปพร้อมๆกัน
🔸เป้าหมายระยะสั้น เก็บออม แบ่งใช้จ่าย เพื่อมีกิน มีใช้ในทุกวัน
🔹เป้าหมายระยะยาว มีเงินเก็บ และให้เงินเก็บได้ต่อยอด เงินงอกเป็นเท่าตัวเพื่ออนาคต ไม่ใช่เพียงดอกเบี้ยแต่เกิดการลงทุนที่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยากแล้วค่ะ
ลงทุนเพื่อลูกด้วยกองทุน K-CHANGE-SSF และ K-CHANGE-RMF ตอบโจทย์ครอบครัวได้ทั้งประหยัดภาษี และยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากหุ้น Mega-trend ระดับโลก ซึ่งเป็นหุ้นที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย เช่น
= Moderna ธุรกิจการแพทย์ที่คิดค้นวัคซีนป้องกัน COVID-19 ล่าสุดประกาศผลการทดลองวัคซีน COVID-19 ระยะที่สามว่ามีประสิทธิภาพถึงร้อยละ 94.5
= Tesla บริษัทที่ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
= Alibaba ธุรกิจ E-commerce ค้าปลีกขนาดใหญ่ที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี
-สำหรับบ้านไหนที่อยากลองเริ่มลงทุนแบบไม่เสี่ยงมาก ก็ยังมีกองทุน SSF/RMF อื่น ๆ ของบลจ. กสิกรไทยให้เลือก ทั้ง K-GINCOME-SSF / K FIXED INCOME RMF รวมถึงประกันชีวิต OnePlus 10/1 ก็สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ลองศึกษาดูนะค้า
สนใจข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติม คลิก https://kbank.co/3kqt15i
-ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน

ไม่เคยวางแผนก็ต้องวาง ถ้าไม่ได้เริ่มก็เริ่มไปพร้อมกันตั้งแต่ตอนนี้เลยค่ะ เพราะการวางแผนการเงินไม่ใช่เรื่องของคนรวย แต่เป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคนจริงๆ เริ่มจากการเก็บเล็กผสมน้อย ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก

ที่สำคัญ ต้องเริ่มเก็บเงินก่อนแล้วค่อยใช้ ไม่ใช่รอให้เงินเหลือแล้วค่อยเก็บ เราถือคติที่ว่า “เงินเข้ามาปุ๊ป แบ่งส่วนเก็บไว้ก่อนเลย เพราะถ้ารอเหลือจะไม่เหลือแน่ๆ” จะมากจะน้อย ก็ดีทั้งนั้นค่ะ ขอแค่เริ่มวางแผนการเงินที่ดีเพื่อครอบครัว

 

ส่วนที่ 1 ออมเงินระยะสั้น – บัญชีนี้ออมทรัพย์ ฝาก-ถอนมาใช้จ่ายได้จิปาถะ ใส่เงินแค่พอใช้ เช่น 20% ของเงินเดือนใช้ถอนได้ตลอดเวลา แต่ควรควบคุมการใช้เงินประจำสัปดาห์หรือประจำเดือนให้ดี

จุดประสงค์ของเงินก้อนนี้ ไม่ใช่เพื่อให้เงินเติบโตหรือเก็บไว้ใช้หลังเกษียณ เพราะบัญชีออมทรัพย์ปกติให้ดอกเบี้ยน้อย เหมาะไว้หยิบถอนตามวงเงินที่เราจำกัดไว้ ไม่ใช้เพลินมากกว่า

 

ส่วนที่ 2 ออมเงินระยะยาว – ฝากประจำ ถอนออกไม่ได้ถ้ายังไม่ครบกำหนดตามเงื่อนไขของธนาคาร ได้ดอกเบี้ยดีกว่าแบบออมทรัพย์ มีสองแบบคือ ฝากครั้งเดียวและจะถอนได้เมื่อครบกำหนด กับฝากเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งแบบหลังจะเหมาะกับการฝึกวินัยในการออมมากกว่า

ปัจจุบันดอกเบี้ยเงินฝากประจำอาจจะไม่สูงเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ต้องเก็บส่วนนี้ไว้เพื่อระยะยาวที่มั่นคง เงินอยู่กับเราแน่นอน ถ้าถามว่าเราต้องมีเงินส่วนนี้มากแค่ไหน ในวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมาก็คงตอบได้ว่า มากกกกก และถ้าจะให้อุ่นใจยิ่งขึ้น เราควรมีเงินเก็บสำรองฉุกเฉินอีกก้อนนึง ที่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือน และสามารถถอนออกมาใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน

ส่วนที่ 3 การลงทุนต่อยอดเงินคงไม่ใช่แค่เฉพาะนักธุรกิจแล้วนะคะ ครอบครัวอย่างเราถ้าวางแผนยาวก็ควรศึกษาการลงทุนด้วยเพราะเราเลือกลงทุนตามงบได้ ไม่จำเป็นต้องเยอะ แนวคิดของบ้านอายจะแบ่งเงินลงทุนเป็น 2 ก้อนเพื่อเป้าหมายที่เห็นชัดที่สุดคือ

ก้อนที่ 1 ให้ลูกเรียนหนังสือจนจบ เช่น เป้าหมาย 10 ปี เพื่อการศึกษาร็อคกี้จะเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลายพอดี และถึงตอนนั้นเราคงไปต่อถ้ามีเงินเก็บที่งอกขึ้นมากพอให้หมดห่วงว่าลูกเรียนจบ

ก้อนที่ 2 ลงทุนสำหรับวัยเกษียณ ถึงวัย 50 เราจะไม่ได้ทำงานหนักๆ อีกต่อไปแล้ว แล้วช่วงนั้นเราจะมีรายได้จากอะไร เพียงพอไหม ถ้าต้องเก็บเผื่อให้มีเงินใช้ไปจนแก่ เช่นเดือนละ 15,000 บาท ไปซัก 10 ปี อายุ 60-70 เราต้องใช้เงินกี่บาท ต้องคิดเผื่อเพื่อลงทุนสำหรับส่วนนี้ด้วย

ยุคนี้การลงทุนมีหลายแบบ ทั้งการเล่นหุ้น กองทุนรวม ที่มีระดับความเสี่ยงและโอกาสให้ผลตอบแทนแตกต่างกันไป ช่วงสิ้นปีแบบนี้ ถ้าจะลงทุนควรจะต้องเลือกแบบที่ใช้นำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย เพราะถือเป็นประโยชน์ 2 ต่อ ได้ทั้งลงทุนและได้ลดหย่อนภาษี กองทุนที่อยากแนะนำในตอนนี้ คือ K-CHANGE-SSF เหมาะลงทุนเพื่อเป้าหมาย 10 ปี และ K-CHANGE-RMF เหมาะลงทุนเพื่อวัยเกษียณ ทั้ง 2 กองทุนมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีเพราะลงทุนในหุ้นเมกะเทรนด์ที่ดีต่อโลก สิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย เช่น Moderna, Tesla, Alibaba
แต่ถ้าไม่อยากลงทุนแบบเสี่ยงมากเกินไป ก็สามารถเลือกกองทุน K-GINCOME-SSF หรือ K FIXED INCOME RMF ก็ได้
– กองทุน K-GINCOME-SSF เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลาง กระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก มีจุดเด่นตรงที่มีโอกาสได้รับเงินปันผลระหว่างลงทุน
– กองทุน K FIXED INCOME RMF เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความผันผวนต่ำ เพราะลงทุนในตราสารหนี้เป็นหลัก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเก็บเงินก้อนนี้ไว้สำหรับใช้หลังเกษียณ

กองทุนทั้งหมดของกสิกรไทย สามารถซื้อได้ง่าย ๆ ผ่าน K PLUS, K-My Funds และ K-Cyber Invest ที่พิเศษไปกว่านั้น ลูกค้าที่ลงทุนใน SSF และ RMF ของบลจ. กสิกรไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Cash Back สูงสุด 1,000 บาท* และ Starbucks e-Coupon 100 บาท* ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย https://kbank.co/3kqt15i
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
-ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 

ส่วนที่ 4 ประกันชีวิต เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่น่าสนใจ เพราะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ อาจจะเป็นอุบัติเหตุหรือโรคภัยไข้เจ็บ ดังนั้นการทำประกันไว้จึงช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหนึ่งในประกันชีวิตที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ คือประกันชีวิต OnePlus 10/1 จากกสิกรไทย สามารถซื้อได้สูงสุด 100,000 บาท จ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียวก็คุ้มครองได้ยาว 10 ปี ซื้อได้ง่าย ๆ ผ่าน K PLUS

 

 

Facebook Comment
Menu