เก่งเท่านั้นหรือ ถึงจะมีคนชื่นชม แล้วถ้าไม่ใช่?
เรา? หรือลูกล่ะ? ที่พลาดไป …
จริงๆแล้วอาจเป็นเราเองก็ได้นะ ที่ไม่เข้าใจอะไรเลย
ปรับอะไรไม่เป็น จนยึดติดเพราะความคาดหวัง

เก่งแบบไหนละ ? คนเราแบบไหนเก่ง ?
มันแค่สิ่งสมมุติ มันต้องมีประเภท และบริบทด้วย
ยกตัวอย่างจากต้นไม้ดีกว่า….
🌴มะพร้าว ก็โตได้ในดินร่วน
🌾ต้นข้าว ก็โตได้ในดินเหนียว
🌵กระบองเพชร ก็โตได้ในดินทราย

เด็กก็เหมือนต้นไม้ ในแบบที่เค้าต่างกัน คนละสายพันธ์ คนละสิ่งแวดล้อม เราบังคับให้ ต้นกระบองเพชรโตในดินเหนียวไม่ได้ เราก็ให้ลูกเป็นแบบลูกใครไม่ได้เช่นเดียวกัน
การดูแล เอาใจใส่ ศึกษาธรรมชาติของเค้า การรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย น้ำมาก น้ำน้อยต้องการในแบบที่ต้นไม้ชอบจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเรื่องพวกนี้ ผู้ดูแลต้นไม้เท่านั้นที่ทำได้ดี เป็นหน้าที่ใหญ่ๆเลี้ยงต้นกล้านี่แหละ ว่าจะรอดไหม หรือจะบิดเบี้ยวเพราะคนเลี้ยงเอง

รู้ใช่ไหมว่า ต้นกระบองเพชรบาง สายพันธุ์จะมีดอก เมื่อเค้าสมบูรณ์เต็มที่ … เด็กๆก็เช่นเดียวกันค่ะ ถูกที่ถูกเวลา เขาจะโตอย่างมีความสุขได้จริงๆไม่มีบรรทัดฐานมากนัก แต่เป็นเรื่องความเข้าใจล้วนๆ

ช่วงอนุบาลต้นกล้า >> ไม่นานต้นกล้าจะยืนต้นโตได้เอง >> ไม่นานจะออกผล ถ้าไม่ออกผลก็ออกดอก ไม่ออกดอกเนื้อไม้ก็ทำประโยชน์ได้ กินได้ สร้างเป็นบ้านได้ นั่นแหละโคตรจะแตกต่างกันขนาดเป็นพืชเหมือนกันแต่ลงตัว

เราดูแลในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับลูก
เราศึกษาความรู้ความเข้าใจเค้าให้มาก
เราเชื่อ ว่าลูกจะงดงามในแบบของเค้าเอง
จริงๆ ทำหน้าที่เพียง สนับสนุน ประคับประคอง
คอยเตือน คอยรับฟังลูก ปลูกฝังแค่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี รู้หน้าที่ตัวเอง มันก็เพียงพอและดีมากๆแล้วสำหรับชีวิตนึงที่เกิดมาแบบเลือกไม่ได้ด้วยซ้ำจะได้พ่อแม่แบบไหน?
เค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อให้พ่อแม่อวดกัน หรือเกิดมาเพื่อเติมเต็มความฝันพ่อแม่ที่ทำไม่ได้ แล้วให้ลูกสานต่อมันไม่แฟร์
เราว่าดูเค้าทำอะไรได้ดีหรือเปล่าดีกว่านะ
“ลูกเกิดมาก็อยากเป็นตัวเอง
ขอเป็นต้นไม้ที่ได้ขอโอกาสโตในดินที่เหมาะกับตัวเอง “

ถ้าอ่านถึงตรงนี้ เราอย่าใจร้ายกันเลยนะคะ
อ่านอะไรได้ อยากทำ แต่ต้องปรับให้ได้มากไม่ใช่รับมาทั้งหมดแล้วไม่เข้าใจ จะไปบีบลูก จะไปบีบตัวเอง

เลี้ยงเขาแล้วรอรับฟัง ดีกว่าสั่งแต่ไม่เคยทำให้ดู
คอยตบๆให้อะไรมันเข้าทางไม่เป็นเรื่องร้ายแรง
เรื่องที่ไม่ได้จริงๆ มีผลกระทบแน่ๆเราก็ใช้ความรักนี่แหละสอนเค้า ไม่ต้องอายถ้าคิดว่าลูกทำได้ไม่ดีเท่าคนอื่น
ไม่ได้บอกให้เข้าข้างตัวเอง แต่ให้มองกว้างๆ

“ อย่าตึงจนเชือกขาด และอย่าหย่อนจนลูกไม่รู้ว่าเขาต้องทำอะไร” อยากเขียนให้เราเข้าใจ ในตัวตนจริงๆของเด็กเท่านั้นเอง

การเลี้ยงลูก แนวคิด ปรับได้ ไม่กดดัน ไม่คาดหวังว่าเค้าต้องดีที่สุด ใครๆต้องมาชม ปล่อยเขาได้ทำ ได้โตในแบบที่เค้าอยากเป็น แค่พ่อแม่เข้าใจเขาก็พอ
ป้าข้างบ้าน ชอบถามชอบเปรียบก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของนอกบ้าน อย่าเอามาคิดมาก55555 สุดท้ายจะแก้ไขหรือจะสุขใจเราเองที่รับผลของมัน

นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดของลูกที่เราจะให้ได้ มีค่ากว่าเงินทองในระยะยาวมากกว่า ถ้าเค้าสมบูรณ์ แม้จะไม่มีเงินมากแต่เชื่อนะ ว่าเขาจะดูแลตัวเองได้ ในวันที่เราไม่อยู่ช่วยแล้ว
—————-
ไม่ต้องรอดูว่าลูกของบ้านนี้จะโตมาเป็นอะไร
อายเองก็ไม่รู้ ต้องให้เขาเลือกเอง คงไม่มีอวด
จะถ่ายทอดเพจในมุมมองของแม่เท่านั้นไม่บิดเบือนตัวจนไม่ใช่ตัวลูก
อาจไม่เก่ง ไม่ชนะเลิศไปหมดก็ได้…แม่ยังรักเสมอ
แต่เขาคงเป็นคนมีความสุข ทุกข์ก็รับไหว
เพราะเราให้เค้าสู้เรื่อยๆ และไม่บังคับแต่รับความจริงมาตั้งแต่เกิด
ตอนนี้ที่ทำได้คือ ปล่อยเค้าโตอย่างเข้าใจให้มากที่สุด
ให้โอกาสเขาได้บอก ได้เล่า ได้จินตนาการ ได้ทำและเลือกในสิ่งที่ชอบเอง

ชีวิตลูกยังอีกยาว
ชีวิตเรา เลยจุดตรงกลางมาแล้ว เราจะเลี้ยงลูกแบบอัพเดทนะ อย่าบังคับกัน อย่าพยายามให้นักดนตรีต้องไปเป็นหมอ อย่าให้ยูทูปเบอร์ไปเป็นวิศวกร ปล่อยเค้า…เดี๋ยวเค้าคงเจอ ^^ ตัวเองสักวัน
..
เขียนมานี่เอาประสบการณ์ชีวิตตัวเองมาถ่ายทอดเลี้ยงลูกมาได้ไม่นานยังต้องเจออะไรอีกมาก เตรียมใจไว้เนิ่นๆ
ชีวิตเราเกิดมาจากการไม่ถูกบังคับมีโอกาสเลือกทางเดิน ตัวเองไม่ว่าจะเรียน ทำงาน คนรัก ถูกเลี้ยงแบบธรรมดาๆ เจอทุกข์ก็เยอะ สุขก็มี แต่โตมาแบบมีภูมิคุ้มกันและต้านทานสิ่งแย่ๆได้มากพอ
เราจะเอาสิ่งเหล่านี้ไว้เลี้ยงลูกต่อไป
#เพราะโตมากับความเข้าใจ

เราให้ชีวิต แต่เราไม่ใช่เจ้าของชีวิต
ไม่มีบุญคุณ มีแต่ความเข้าใจ
#พ่อแม่รุ่นใหม่เข้าใจลูก

#ว่างแหละเน๊าะเขียนยาว อ่านจบคอมเม้นท์มารับลูกอม1เม็ดค่าจัดส่ง 20 บาท แซวๆๆๆ หยอกๆๆๆๆๆ

Facebook Comment
Menu