เรื่องในบทแรกของชีวิตนักเรียนของลูก ครั้งแรกของลูก ครั้งแรกของเรา #โพสนี้ยาวมาก

ผ่านมาได้ 1 เดือนสิ่งที่อายตัดสินใจพาร็อคไปเรียนก็คงเป็นเรื่องของเวลาที่ต้องทำงานมากขึ้นและลูกก็พูดรู้เรื่องพร้อมเรียนรู้ อยู่บ้านอยู่กับเราก็เล่นด้วยกันแต่พอมีงานก็ไม่เต็มที่ เราอยากส่งไป3ขวบเหมือนกันนะ อยากอยู่กับลูกให้นานที่สุดแต่คิดว่าพร้อมแบบนี้จึงเลือกคนละครึ่งทางสบายที่จะไป 2 ขวบ 6 เดือน ด้วยความสะดวกใจของบ้านเรา ครึ่งวันเราเจอกัน
ส่วนตัวอายคิดว่าไม่ใช่ปัญหา ถ้าเราเลือกรร.ที่เหมาะสมในรอบด้านหลักๆ คือ ใกล้บ้านคือเรื่องแรก การเงิน และกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะกับลูกเรา ความปลอดภัย
ตัวลูกเรา ลูกพูดสื่อสารได้รู้เรื่อง บอกฉี่ บอกอึได้ ช่วยเหลือตัวเองเบื้องต้น ก็เรื่องราวที่เคยสอนมาตั้งแต่เค้าเรื่องจำความได้นั่นเอง
.
🎒ช่วงแรกเป็นยังไง
5 วันแรกเข้าไป แบบไม่ร้องไห้ แบบยังงงๆอยู่ สัปดาห์ที่ 1มีน้ำตาแตก ขึ้นรถบอกไม่อยากไปเรียนอยากอยู่บ้าน ดราม่ากันก่อนเข้าเรียน 2 วันร้องไห้ วันที่ 3 ดีขึ้น คุณครูกับ TA จะบอกว่าพอออกนอกห้องจะร้องเพราเข้าใจว่าปะป๊าจะมารับ
ค่อยลดลงตามลำดับ สัปดาห์ 2 หลังนี้ รู้เยอะ พอเดินเข้ามาตรวจวัดไข้คัดกรอง เค้าจะบอกว่าร็อคกี้ไม่สบายกลับบ้านก็ได้
ก่อนส่งลูกจะพูดกับเค้าเหมือนเคยว่าไปเล่นนะลูก เดี๋ยวบ่าย 2เลขสอง ป๊าม้าจะมารับ เราก็มีหน้าที่ไปให้ตรงเวลาอย่าให้ลูกรอคำพูดเราต้องเป็นความจริงเสมอ
สัปดาห์ที่ 3-4 รู้ตัวแล้วว่าร้องไห้ก็ต้องไปอยู่ดี เลยไม่ร้องไห้ จะบ่นๆ มีเบะหน่อยๆมากกว่า ยอมยกมือสวัสดีป๊าม้าก่อนที่เข้าห้องเรียนไปได้
.
🎒มีคนที่ลูกไว้ใจ
มี TA คนไทย ที่ดูแลน้องเค้าจะติดเป็นพิเศษ เริ่มไว้ใจพอเข้าเรียนTA มารับก็จะเดินเข้าไปหาเหมือนไปโรงเรียนต้องพึ่งคนนี้ 555
.
🎒ตอนนี้ผ่านไป 1 เดือนกว่าๆรู้สึกยังไง
รู้สึกดีที่ลูกกลับมาเล่าอะไรให้ฟัง ลูกรู้จักเชื่อฟังคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ถึงเค้าจะไม่รู้จักคำว่าเพื่อน เพราะยังเล็กเกินไปที่แชร์ของหรือจำชื่อเพื่อนทั้งห้องก็ตาม กิจกรรมเล่นสี ของเล่น เรื่องสนุกเยอะเห็นเค้าได้ทำอะไรมากกว่าที่อยู่กับเราก็พอใจค่ะ
.
🎒สิ่งที่กังวลที่สุด
เรื่องป่วย สัปดาห์ก่อนเพื่อนลูกป่วย RSV ที่ระบาดเกือบ 5-6 คนในห้อง ก็เลยหยุดเรียนไปมาสังเกตอาการกลัวลูกจะติดแต่มันก็ผ่านมาได้ ยังแข็งแรงดี เรียกว่าหยุดดูสถานการณ์ และดูแลอาหารการกินความสะอาดล้างมือและให้เล่นตามสมควรไม่ปิดกั้นลูกมากนัก ปลงและคิดว่ามันเป็นเรื่องโชคอย่างนึงไม่รู้ใครจะติดมา แต่ในส่วนของเราก็ดูแลลูกให้เค้ามีร่างกายแข็งแรงกินดีนอนหลับเพียงพอ เหมือนที่เลี้ยงเค้ามา
.
🎒กรุ๊ปไลน์ผู้ปกครอง
โอ้ยตื่นเต้น แต่เกิดขึ้นปฐมนิเทศรวมกันแล้วเพราะพ่อแม่ทุกคนมาเจอกัน ก็ไม่กดดันเพราะเป็นเรื่องทั่วไป วันนี้ใส่ชุดอะไร วันนี้มีกิจกรรมอะไร ใครลืมของติดกระเป๋าไปหรือเปล่า ใครป่วยบ้างหยุดบ้างมีบอกกันจะได้เตรียมตัว สืบเนื่องมาจากในกลุ่มพอรู้ว่ามีน้องป่วยเราก็จะสังเกตลูกเราด้วย โอเคนะเราเจอแม่ๆในห้องลูกที่น่ารักด้วยเลยไม่รู้สึกเครียด
.
🎒เรื่องนอน
เลิกเรียน 12.00น.ก็ได้ถ้าไม่นอน แต่อายก็ให้เค้านอน เลยไปรับเวลา 14.00น. สบายๆ พอเลิกเที่ยงเคยไปรับกลับก็ไม่ยอมนอนแล้วมาง่วงเย็นเวลาเพี้ยน
แต่ถ้าได้ Nap กลางวันกลับบ้านมาบ้านก็เล่นยาวถึงเย็น นอนหัวค่ำเป็นเรื่องดี เรื่องหลับต้องตอบว่า Teacher และ TA เอาอยู่เล่นเหนื่อยหลับมีอุ้มกล่องบ้างเท่าที่เราทราบ แต่เชื่อได้อย่างนึงว่า พออยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่เค้าจะเชื่อฟัง ในโมเม้นท์ที่อยู่กับเราแล้วจะหลับยากก็ตาม
.
🎒เรื่องกิน
ที่ทำทุกวันคือให้ทานข้าวเช้าที่บ้านเท่าที่อยากทานแต่ต้องทาน แล้วไปโรงเรียน ช่วง 9.50 จะมีเบรกทานของว่าง แล้ว 11.30 ทานอาหารกลางวัน ตอนนี้ร็อคก็ทานเองเฉพาะที่ชอบ อันไหนไม่ชอบจะไม่ทาน แต่ก็ขึ้นอยู่กับมื้อเช้าด้วยถ้ากินเยอะ กลางวันจะกินน้อย TA ยังคอยช่วยดูน้องช่วยป้อนด้วยเท่าที่ถามมา หลังจากตื่นนอน มีนมสด 1 ขวดกลับบ้าน
.
🎒เรื่องผ้าอ้อม
ถ้าอยู่บ้านกลางวันถอดผ้าอ้อมไม่ได้ใส่ พาไปฉี่ทุกชั่วโมง ใส่เฉพาะกลางคืน แต่ด้วยไปรร.ใจยังไม่แข็งพอ เลยกะว่าจะใส่ไปก่อนให้ลูกรู้จักปรับตัวกับสถานที่ไปก่อนแล้วค่อยถอดเทอม 2 น้องไม่อึในแพมเพิสแล้วปวดอึเค้าจะบอกขอไปนั่งชักโครก หรือรอกลับมาอึบ้านอันนี้ก็เลยไม่กังวลอะไรค่ะ
.
รับกลับบ้าน
มารอลูกให้ตรงเวลา ขึ้นรถบางวันก็เล่า บางวันก็จะดูง่วงๆนิ่ง แต่ก็สดใสดีใจที่มารับ บางทีก็หิวเพราะกินข้าวกลางวันน้อยก็จะติดของว่างไปให้ทานบนรถด้วย
.
เกาะรั้วซุ่มดูไหม
อาทิตย์แรกมีเฝ้าหลังจากลูกเข้าไปสัก 1 ชมแต่ไม่ถึงกับซุ่ม ก็กลับบ้าน ไม่ได้แอบดูตลอด ถามว่าห่วงไหมคือมาก แต่คิดว่ายิ่งเค้าเห็นเราจะพาร้องเลยกลับดีกว่า ในความสตรอง ก็ห่วงลูกสุดๆ แต่ในเมื่อเลือกโรงเรียนที่คิดว่าดีให้เค้าแล้วเราก็ต้องเชื่อใจ
.
ตัวพ่อแม่เอง
กำลังใจที่ให้ลูก ก็คงหนีไม่พ้นความตั้งใจ แววตา คำพูดจากพ่อแม่ที่ทำให้เค้ามั่นใจในการก้าวออกไปเจอกับเรื่องใหม่ๆในชีวิต เราคิดตลอดว่าก้าวนี้สำคัญเพราะเป็นก้าวแรกที่เค้าออกไปเริ่มใช้ชีวิต ก่อนที่จะก้าวออกไปยาวๆมากกว่านี้
เราสองคนพูดกับลูกเสมอ ให้กำลังใจเค้า คุยกันถามความคิดเห็นลูก ลองให้เค้าได้มีโอกาสเชื่อมั่นในตัวเองและในทุกสิ่งที่ครอบครัวให้ติดตัวไป
.
นึกได้แค่นี้แต่จริงๆมีเยอะมากเดี๋ยวว่างแล้วมาเขียนต่อนะคะ
ยังคงเชื่อในคำเดิม อายไม่ได้ฝากความหวังไว้กับโรงเรียนไปทุกเรื่องจริงๆเค้าจะได้อยู่ในโรงเรียนแค่ไม่กี่ชั่วโมง ที่เหลืออยู่กับเราก็ต้องสอนเค้าแบบมีเป้าหมายเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ ไม่เน้นวิชาการ แต่ให้ความสำคัญกับระเบียบหน้าที่ตัวเองหลักๆ กิจวัตรส่วนตัว ตื่นนอน แปรงฟัน อาบน้ำ กินข้าว ไปโรงเรียน เล่น เข้านอน เชื่อว่าถ้าเค้ารู้เวลาว่าถึงเวลานี้ตัวเองต้องทำอะไรคือสิ่งที่ควรจะเป็น

————————–————
ทิ้งท้ายด้วยคำนี้อีกครั้ง ใส่ท้ายคำพูดคุณหมอมา2-3บทความแล้ว
” เสรีภาพที่แท้อยู่ในกะโหลกศีรษะของลูกๆ ไม่ได้อยู่ที่ใครทั้งนั้น ” นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ (17 กันยายน 2016 )
#Rockyjourney

Facebook Comment
Menu